รู้ไว้ใช่ว่า! วิธีการใช้ยาที่ปลอดภัยเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ
ยานั้นจัดว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญในการใช้เพื่อการรักษา ควบคุม ฟื้นฟู หรือบรรเทาอาการของโรค แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ยาโดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งาน อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้เช่นเดียวกัน และการเลือกใช้ยาอย่างใส่ใจ ถูกต้อง และปลอดภัย จะทำให้ยาเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้
6 เคล็ดลับการใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพและชีวิต
การใช้ยาเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพนั้น จะต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือกใช้ เพราะถ้าใช้ยาเพียงเพราะคนอื่นบอกมาว่าดี เขากินแล้วหาย แทนที่จะเป็นผลดี ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะต่างคนก็ต้องการยาต่างกัน ดังนั้นนี่คือ 6 เคล็ดลับในการใช้ยาเพื่อให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณ
1. อ่านฉลากยาอย่างละเอียดก่อนใช้ ฉลากยาจะระบุข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับยา เช่น ชื่อยา สรรพคุณ วิธีใช้ ปริมาณการใช้ ข้อควรระวัง วันหมดอายุ เป็นต้น จึงควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียดก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาของคุณ
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการใช้ยา จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
3. ไม่ควรใช้ยาเกินขนาด การใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ควรใช้ยาตามปริมาณที่ระบุบนฉลากยา หรือตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
4. ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน การใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ ควรใช้ยาตามระยะเวลาที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำเท่านั้น หากอาการไม่ดีขึ้นให้กลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอีกครั้ง
5. ควรหยุดใช้ยาทันทีหากมีอาการแพ้ยา หากมีอาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน หายใจลำบาก หน้าบวม เป็นต้น ควรหยุดใช้ยาทันทีและรีบไปพบแพทย์
6. ควรเก็บยาให้พ้นจากมือเด็ก เด็กยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์น้อย หากหยิบยามาเล่นหรือทาน อาจได้รับยาโดยไม่รู้ตัว และก่อให้เกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังจากใช้ยาร่วมด้วย หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น อาการแพ้ยา อาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้น หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์หรือเภสัชกรโดยเร็วที่สุด เพื่อได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องและรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ทำไมเราถึงไม่ควรกินยาตามที่คนอื่นบอก หรือใช้ยาตามเขา
ยาแต่ละชนิดมีสรรพคุณและวิธีใช้ที่แตกต่างกัน ยาบางชนิดอาจใช้รักษาโรคเดียวกันได้ แต่อาจมีผลข้างเคียง ขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนัก โรคประจำตัว และปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละบุคคล ดังนั้นการกินยาตามที่คนอื่นบอกโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร อาจทำให้ได้รับยาที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง หรือได้รับผลข้างเคียงของยาที่รุนแรง ยาบางชนิดอาจตีกัน บางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยากับยาตัวอื่น ทำให้ฤทธิ์ของยาลดลงหรือเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา นอกจากนี้ การกินยาตามที่คนอื่นบอกหรือใช้ยาตามกันเองอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น
1. การดื้อยา
การกินยาไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด หรือกินยาซ้ำ ๆ โดยไม่จำเป็น อาจทำให้เชื้อโรคดื้อยา ทำให้การรักษาโรคในอนาคตทำได้ยากขึ้น เชื้อโรคดื้อยา คือ เชื้อโรคที่พัฒนากลไกการต้านทานยา ทำให้ยาตัวเดิมไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื้อยาเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก เพราะทำให้การรักษาโรคทำได้ยากขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิตได้ ดั้งนั้นจึงควรกินยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เชื้อโรคถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เชื้อโรคพัฒนากลไกการดื้อยาได้
2. การเสพติดยา
การกินยาโดยไม่จำเป็น หรือกินยาในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดอาการเสพติดยาได้ อาการเสพติดยาอาจแสดงออกได้หลายวิธี เช่น รู้สึกหงุดหงิด หรือกระวนกระวายเมื่อไม่ได้กินยา ต้องกินยาในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อบรรเทาอาการ หรือหยุดกินยาไม่ได้ การเสพติดยาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและสังคมอื่น ๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจ อุบัติเหตุ ปัญหาการเงิน และปัญหาความสัมพันธ์ ทั้งนี้การเสพติดยาเป็นโรคที่รักษาได้ แต่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจากแพทย์ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีอาการหรือความกังวลเกี่ยวกับการเสพติดยา
ดังที่กล่าวมานั้น ผู้ป่วยควรระมัดระวังในการกินยา ควรกินยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น หากมีอาการเจ็บป่วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้อาการเจ็บป่วยหายเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียดก่อนกินยาทุกครั้ง และควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และต้องระลึกไว้เสมอว่า การกินยาโดยไม่ระมัดระวัง หรือใช้ยาตาม ๆ กัน จะนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพได้