ยานั้นสำคัญไฉน ยาแบบไหนควรใช้อย่างไร

ยานั้นสำคัญไฉน ยาแบบไหนควรใช้อย่างไร

ยารักษาโรคนั้นมีความสำคัญมาก นับเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ยานั้นมีด้วยกันหลากหลายแขนงด้วยกัน แบ่งแยกไปตามคุณลักษณะเฉพาะของโรคนั้น ๆ ถูกใช้เพื่อการรักษา ฟื้นฟู หรือบรรเทาอาการของโรคที่กำลังป่วย ยาเป็นสารสกัดจากสารเคมีหรือสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ได้ในร่างกาย ทำให้มีผลในการส่งเสริมสุขภาพ บำบัด บรรเทา รักษา และป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์

ยาสามัญประจำบ้านมีความสำคัญอย่างไรกับเรา

ยาสามัญประจำบ้านเป็นยาที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย โดยที่ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรือพบแพทย์ทุกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลได้ด้วย และยังมีอีก 4 ความสำคัญคือ

1. ใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย

ยาสามัญประจำบ้านสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น คัดจมูก ไอ จาม แพ้อากาศ เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องไปพบแพทย์

2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

ยาสามัญประจำบ้านมีราคาไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้

3. เข้าถึงได้ง่าย

ยาสามัญประจำบ้านสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกต่อการซื้อใช้

4. สะดวกต่อการใช้งาน

ยาสามัญประจำบ้านส่วนใหญ่มีวิธีใช้ที่ง่ายและสะดวก ผู้ป่วยสามารถใช้งานได้ด้วยตัวเองผ่านคำแนะนำบนฉลาก หรือบางชนิดก็จะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

4 กลุ่มยาสามัญประจำบ้านได้ใช้บ่อย ที่ต้องใช้อย่างถูกต้อง

4 กลุ่มของยาสามัญประจำบ้านด้านล่างนี้ จะเป็นกลุ่มยาที่ใช้สำหรับการรักษาภายใน หรือยาสำหรับกินนั่นเอง และส่วนมากจะได้ใช้กันบ่อยในทุกครัวเรือน ซึ่งมีการระบุวิธีการใช้ที่เหมาะสมและข้อควรระวังในการใช้ ดังต่อไปนี้

1. กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดลดไข้

• พาราเซตามอล (Paracetamol)

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 500-1,000 มิลลิกรัม (1-2 เม็ด) ทุก 4-6 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ผู้ที่แพ้พาราเซตามอล และผู้ที่มีปัญหาตับหรือไตรุนแรง

• ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 200-400 มิลลิกรัม (1-2 เม็ด) ทุก 4-6 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ผู้ที่แพ้ไอบูโพรเฟน ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกผิดปกติ และผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหารหรือลำไส้อักเสบ

2. กลุ่มยาแก้แพ้

• คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine)

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 4-8 มิลลิกรัม (1-2 เม็ด) ทุก 4-6 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 24 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ผู้ที่แพ้คลอเฟนิรามีน ผู้ที่มีปัญหาทางเดินปัสสาวะอุดตัน และผู้ที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต

• ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine)

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม (1-2 เม็ด) ทุก 4-6 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ผู้ที่แพ้ไดเฟนไฮดรามีน ผู้ที่มีปัญหาทางเดินปัสสาวะอุดตัน และผู้ที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต

3. กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดท้อง

• ยาธาตุน้ำแดง

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หลังอาหารหรือเวลาปวดท้อง

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาธาตุน้ำแดง และผู้ที่มีปัญหาเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้

• ยาขับลม

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ดหลังอาหาร และอาจจะต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาขับลม และผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตต่ำ

• ยาลดกรด

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ดหลังอาหาร และเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาลดกรด และผู้ที่มีปัญหาไต

4. กลุ่มยาบรรเทาอาการท้องเสีย

• ผงน้ำตาลเกลือแร่

วิธีใช้: ผสมผงน้ำตาลเกลือแร่ 1 ซอง ในน้ำสะอาดต้มสุกและเย็นแล้ว ปริมาณ 250 มิลลิลิตร ดื่มครั้งละ 1 แก้ว หลังท้องเสียทุก 2-3 ชั่วโมง หรือให้จิบทีละน้อย ๆ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำบนฉลากยา สูงสุดไม่เกิน 8 แก้วต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ผงน้ำตาลเกลือแร่ และผู้ที่มีปัญหาไต

• ผงถ่าน

วิธีใช้: รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา หลังท้องเสียทุก 2-3 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 8 ช้อนชาต่อวัน

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ผงถ่าน และผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารอุดตัน

เมื่อได้ทราบถึงวิธีใช้และข้อควรระวังแล้ว การใช้ยาสามัญประจำบ้านควรเลือกใช้อย่างเหมาะสมกับสภาพอาการป่วยของบุคคลนั้น ไม่ควรใช้ยาจนเกินขนาดหรือใช้อย่างต่อเนื่องจนระยะเวลาเกิน 14 วัน เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ที่รับยาได้ หากอาการไม่ทุเลาลงในระยะเวลา 14 วัน หลังจากได้รับยาสามัญประจำบ้านอย่างต่อเนื่องแล้ว ผู้ป่วยควรเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการของโรคให้แน่ชัด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและสุขภาพของท่านเอง

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top