ถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันการติดโรคได้มากแค่ไหน?
การใช้ถุงยางอนามัย ถือว่าเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และมีความปลอดภัย ที่สำคัญยังช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะมีความคุ้นเคยว่า ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ได้ดี แต่ความเป็นจริงแล้วสามารถช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้มากกว่านั้น วันนี้เราจึงขอมาแชร์ความรู้เรื่องการใช้ถุงยางอนามัย ว่าสามารถช่วยป้องกันการติดโรคอะไรได้บ้าง และช่วยได้มากแค่ไหน
ถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันโรคอะไรได้บ้าง
การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดังนี้
- โรคเอดส์ การติดเชื้อ HIV
- การติดเชื้อ HPV สาเหตุของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากมาย เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งอวัยวะเพศ โรคมะเร็งทวารหนัก และโรคมะเร็งช่องคลอด เป็นต้น
- โรคตับอักเสบบี
- โรคหูดหงอนไก่
- โรคหนองในแท้
- โรคหนองในเทียม
- โรคซิฟิลิส
- โรคเริม
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลยืนยันเป็นที่ชัดเจนว่าการใช้ถุงยางอนามัย จะช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ 100% เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลาย ๆ โรค ก็สามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัสกับเชื้อโดยตรง ผ่านการทำออรัลเซ็กส์ การสัมผัสทางปาก และการสัมผัสทางผิวหนัง ดังนั้น เพื่อความสบายใจของคุณและคู่รัก ว่าการมีเซ็กซ์จะต้องมีทั้งความสุข และความปลอดภัยจากการติดโรค ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งจะดีที่สุด
ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี ไม่เสี่ยงต่อการติดโรค
การใช้ถุงยางอนามัยดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกวิธี หรือใช้โดยขาดความระมัดระวัง ก็อาจเสี่ยงทำให้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์มาได้ เรามาดูกันเลยดีกว่า ว่าควรใช้ถุงยางอนามัยแบบไหน จึงจะไม่เสี่ยงต่อการติดโรค
- เลือกขนาดของถุงยางอนามัยที่พอดีกับขนาดขององคชาตขณะแข็งตัว ไม่รัดแน่น หรือหลวมจนเกินไป
- ควรระมัดระวังเมื่อทำการฉีกซองถุงยางอนามัย แนะนำให้ใช้นิ้วบีบเบา ๆ เพื่อขยับตัวถุงยางอนามัยไปไว้ในมุมหนึ่ง จากนั้นค่อยทำการฉีกซองอีกมุมหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหายของถุงยางอนามัย
- ก่อนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ต้องตรวจดูสภาพของถุงยางอนามัยให้เรียบร้อยก่อนสวมใส่ ว่ามีรอยแตก รอยรั่วหรือไม่
- สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนที่อวัยวะเพศของทั้งสองฝ่ายจะสัมผัสกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดโรค
- ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ ถึงแม้ภารกิจของคุณจะยังไม่เสร็จสิ้น และทำการถอดถุงยางอนามัยออกมาแล้ว ก็ควรเปลี่ยนไปใช้อันใหม่ทันที
โดยสรุปแล้วถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้หลากหลายโรค แต่ไม่มีผลยืนยันว่าสามารถป้องกันได้เต็ม 100% เพราะสามารถติดต่อกันทางการสัมผัสได้ ดังนั้น ทางที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์ให้ไม่เสี่ยงต่อการติดโรค คุณจึงควรสวมใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้ง ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย