“พาราเซตามอล” กินผิดมีแต่โทษ ร้ายแรงอาจถึงแก่ชีวิต
ถ้าคุยกันเรื่อง “ยา” ไม่มีใครไม่รู้จักยา “พาราเซตามอล” เพราะเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีติดไว้แทบทุกบ้าน สามารถบรรเทาอาการปวดเกือบทุกประเภทได้ เรียกได้ว่า พาราเซตามอลเป็นยาบรรเทาปวดแบบ “ครอบจักรวาล” ตามความคิดของคนทั่วไป ยาพาราเซตามอลนั้นหาซื้อได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นจากร้านขายยา หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อริมถนน เป็นยาที่เข้าถึงได้ง่ายจึงดูเหมือนไม่ใช่ยาอันตราย แต่แท้จริงแล้วเป็นยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากใช้ผิดวิธี วันนี้เราจะพาไปรู้จักยา “พาราเซตามอล” กัน ว่าแท้จริงแล้วคือยาประเภทไหน ก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างไร รวมถึงการใช้ยาที่ถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจนอาจต้องมาเสียใจทีหลัง
ยาพาราเซตามอลคืออะไร?
คือกลุ่มยาประเภทที่ออกฤทธิ์ระงับปวดระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลางและสามารถใช้ลดไข้ได้ โดยกลไกการทำงานคือการออกฤทธิ์ยับยั้งสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกปวดเช่น สารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) เมื่อสารตัวนี้ถูกยับยั้งเราจึงรู้สึกว่าเราไม่ปวด และนอกจากนั้นยังสามารถลดอุณหภูมิของร่างกายได้จึงทำให้ไข้ลดลงนั่นเอง
“พาราเซตามอล” ก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจวิธีการทำงานของยากันก่อน เมื่อเรากินยาเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมผ่านกระเพาะอาหาร ยาจะแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ดูดซึมผ่านกระแสเลือดและวิ่งไปที่ตับ ซึ่งตับมีหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมรวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย แล้วจึงส่งต่อมาที่ไตเพื่อขับออกจากร่างกายเป็นของเสียในรูปของปัสสาวะ ดังนั้นหากเรากินยาในปริมาณที่มากและต่อเนื่องกันเป็นเวลานานอาจส่งผลอันตรายต่อตับเพราะต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาก่อให้เกิดสภาวะตับอักเสบและอาจร้ายแรงถึงขั้นตับวายและทำให้เสียชีวิตได้นั่นเอง ดังนั้นการกินยาในปริมาณที่ถูกต้อง เหมาะสมกับแต่ละโรคแต่ละบุคคลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องระวังเป็นอย่างมาก
ใช้ยาพาราเซมอลอย่างไรให้ปลอดภัย
1.ใช้ยาขนาด 10-15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือใช้ยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อน้ำหนักตัว 34-50 กิโลกรัม, ครั้งละ 1.5 เม็ดต่อน้ำหนักตัว 50-67 กิโลกรัม และครั้งละ 2 เม็ดหากน้ำหนักตัวมากกว่า 67 กิโลกรัม
2.เว้นละการใช้ยาแต่ละครั้งอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
3.ไม่ควรใช้ยาเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน (ยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม ไม่เกิน 8 เม็ดต่อวัน)
4.ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนานเกินกว่า 5 วันสำหรับเด็ก และ 7 วันสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับอาการไข้ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันนานเกิน 3 วัน
5.ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ โรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา
6.ในกรณีที่ใช้ยาชนิดสอดหรือเหน็บ ควรล้างมือให้สะอาดและใช้ยาให้ถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์
7.เป็นยารักษาตามอาการ หากไม่มีอาการปวดหรือเป็นไข้ก็ไม่ควรใช้ เพราะการใช้ยาพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็นติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลอันตรายต่อตับได้
8.หากใช้ยาร่วมกับยาตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร อาหารเสริมใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการใช้ยา
9.ห้ามใช้ยาหมดอายุ
10.เก็บยาในภาชนะที่ปิดสนิท พ้นแสงและความร้อน อย่าเก็บยาในที่ชื้นเพราะทำให้ยาเสื่อมสภาพ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาพาราเซตามอล
โดยทั่วไปหากกินยาอย่างถูกวิธี มักไม่เกิดผลข้างเคียง แต่หากพบอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- หายใจติดขัด หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย
- อุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีเข้มดำ
- มีผื่นคัน มีจุดแดง ๆ เล็ก ๆ ขึ้นตามผิวหนัง มีอาการบวมตามร่างกาย
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะมีความผิดปกติ ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะเป็นเลือด
- มีแผลร้อน ในมีจุดขาว ๆ ขึ้นที่ปาก
- มีอาการไข้หนาวสั่นไม่หาย
- มีเลือดออกตามจุดต่าง ๆ อย่างผิดปกติ
ยารักษาโรคทุกประเภทควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก หรือปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งก่อนการใช้เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากใช้ไม่ถูกวิธี