“เดิน” ให้น้ำหนักลด ทำได้ง่าย ๆ ถ้าใช้กลยุทธ์แบบนี้
การเดิน หมายถึง การเคลื่อนไหวของร่างกายโดยการยกเท้าสลับกัน โดยเท้าข้างหนึ่งจะสัมผัสกับพื้นตลอดเวลา เป็นการเคลื่อนที่ที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อแขน เป็นต้น การเดินเป็นการเคลื่อนไหวที่พบได้ในชีวิตประจำวัน โดยสามารถแบ่งการเดินออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ การเดินธรรมดา และ การเดินเร็ว
เดินธรรมดากับเดินเร็วแตกต่างกันยังไง? เหมาะกับคนแบบไหน
การเดินธรรมดาและการเดินเร็วล้วนเป็นการเคลื่อนไหวของร่างกาย แต่การเดินเร็วจะมีความหนักกว่าการเดินธรรมดา ซึ่งมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
1. การเดินธรรมดาเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก และปลอดภัย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มต้นด้วยการเดินช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย
2. การเดินเร็วเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้เผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน แต่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก และปลอดภัย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มต้นด้วยการเดินช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้ที่ออกกำลังกายในระยะยาวได้ง่าย ๆ เพราะการเดินเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว
5 กลยุทธ์การเดินเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างที่สุด
กลยุทธ์มีอยู่ในทุกกระบวนการในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคน และเช่นเดียวกัน การเดินก็ย่อมมีกลยุทธ์ในการเดิน โดยมีจุดประสงค์ที่หลากหลายคละกันไป และนี่คือกลยุทธ์การเดินเพื่อให้เกิดผลดีต่อการลดน้ำหนัก
1. เดินอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าผู้ใหญ่ควรเดินอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน การเดินเป็นประจำจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงการลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอื่น ๆ
2. เดินให้เร็วขึ้น การเดินให้เร็วขึ้นจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นและได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น การเดินเร็ว ๆ หมายถึงการเดินให้เร็วพอที่หัวใจของคุณจะเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่คุณยังสามารถพูดเป็นประโยคได้
3. เดินขึ้นเนิน การเดินขึ้นเนินเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกายและเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น หากไม่มีเนินให้เดิน ลองเดินบนทางลาดชันแทน
4. เดินในที่ใหม่ ๆ การเดินในที่ใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายมากขึ้น คุณสามารถลองเดินในสวนสาธารณะ สวนสัตว์ หรือแม้แต่ในเมืองใกล้เคียง
5. เดินกับเพื่อนหรือครอบครัว จะช่วยในเรื่องของการสร้างเสริมมิตรภาพและความสนุกสนานให้เพิ่มมากขึ้น อาจจะมีผลให้คุณเดินได้ไกลขึ้น นานขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
ทีนี้เราก็ได้ทราบถึงประเภทของการเดินในชีวิตประจำวันของเราและกลยุทธ์การเดินที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ถ้าอย่างนั้นแล้วจะยังรออะไรกันอยู่ล่ะ? ไปเดินกันเถอะ!