ปรับลุค แก้หลังค่อม หลังแอ่น ด้วยท่าออกกำลังกายแบบพิลาทิส
อาการหลังค่อมและหลังแอ่นเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากความเสื่อมสภาพของอวัยวะตามวัย เช่น กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังอ่อนแอลง ส่งผลให้บุคลิกภาพไม่ดี ปวดหลัง และอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดบ่า เป็นต้น อาจทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากขึ้น ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการหกล้มและเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น นับเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
การออกกำลังกายแบบพิลาทิสเป็นวิธีที่ปลอดภัย หากทำเป็นประจำจะช่วยให้ผู้ที่ออกกำลังกายมีกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังที่แข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระและปลอดภัยมากขึ้น
4 ประโยชน์ของพิลาทิสที่ช่วยแก้หลังค่อม หลังแอ่น
พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพในการแก้หลังค่อม หลังแอ่น หากปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยแก้หลังค่อม หลังแอ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่คือประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบนี้
1. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและสะโพก กล้ามเนื้อส่วนนี้เป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญในการช่วยพยุงกระดูกสันหลัง หากกล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแอลง จะส่งผลให้กระดูกสันหลังโค้งงอได้
2. ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายมีความมั่นคงและสมดุลมากขึ้น
3. ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง พิลาทิสช่วยประสานการทำงานของกล้ามเนื้อให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้อาการปวดหลังลดลง
4. ช่วยให้บุคลิกภาพดีขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและผ่อนคลาย จะส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่เกร็งตัว ช่วยให้ท่าทางของร่างกายดีขึ้น การมีหลังที่ตรงเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี
นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถออกกำลังกายแบบพิลาทิสได้ โดยขอคำปรึกษาจากนักกายภาพบำบัดหรือครูสอนพิลาทิสก่อนเริ่มออกกำลังกาย เพื่อประเมินความเหมาะสมของท่าออกกำลังกายและป้องกันการบาดเจ็บ
7 ท่าออกกำลังกายแบบพิลาทิส เพื่อแก้หลังค่อม หลังแอ่น
ผู้ที่สนใจออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ พิลาทิสเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งต่อสุขภาพกายและใจ หากต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังให้แข็งแรง สำหรับ 7 ท่าออกกำลังกายแบบพิลาทิสนี้ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
1. ท่าสะพาน (Bridge Pose)
นอนหงายราบกับพื้น งอเข่าให้เท้าราบกับพื้น วางมือข้างลำตัว แล้วยกสะโพกขึ้นจากพื้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างให้แน่น ค้างท่าไว้ประมาณ 5-10 วินาที
2. ท่าปู (Crab Pose)
คลานบนพื้นโดยวางมือและหัวเข่าไว้กับพื้น แล้วยกสะโพกขึ้นจากพื้น งอเข่าให้ตั้งฉากกับพื้น ค้างท่าไว้ 5-10 วินาที
3. ท่าสะพานขาเดียว (Single Leg Bridge Pose)
นอนหงายราบกับพื้น งอเข่าข้างหนึ่งให้เท้าราบกับพื้น ยกขาอีกข้างขึ้นเหยียดตรง แล้วยกสะโพกขึ้นจากพื้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อสะโพกให้แน่น
4. ท่าแมงมุม (Spider Pose)
คลานบนพื้น โดยวางมือและหัวเข่าไว้กับพื้น เหยียดขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง เท้าชี้ขึ้นฟ้า แล้วงอแขนข้างตรงข้ามกับขาที่เหยียดไปด้านหลัง
5. ท่าแมว-วัว (Cat-Cow Pose)
คุกเข่าลงบนพื้น โดยวางมือไว้ใต้ไหล่ และวางเข่าไว้ใต้สะโพก ค่อย ๆ โค้งหลังลงเหมือนแมว ค้างท่าไว้ 1 วินาที จากนั้นค่อย ๆ ยืดหลังขึ้นเหมือนวัว ค้างท่าไว้ 1 วินาที
6. ท่าแพลงก์ (Plank Pose)
เริ่มต้นจากท่าคว่ำหน้า วางมือไว้ใต้ไหล่ และวางข้อศอกไว้ใต้สะโพก แล้วยกตัวขึ้นจากพื้น โดยวางน้ำหนักบนมือและข้อศอก เหยียดขาตรงไปด้านหลัง ลำตัวควรเป็นเส้นตรงจากศีรษะจรดเท้า ค้างท่าไว้ประมาณ 30 วินาที หรือจนกว่าจะเริ่มเหนื่อย
7. ท่ากบ (Frog Pose)
คลานบนพื้น โดยวางมือและหัวเข่าไว้กับพื้น เท้าชี้ไปด้านหลัง แล้วค่อย ๆ กางขาออก โดยให้สะโพกอยู่ระดับเดียวกับหัวเข่า เกร็งกล้ามเนื้อสะโพก หน้าท้อง และแกนกลางลำตัวให้แน่น
การออกกำลังกายแบบพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่เน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยพยุงกระดูกสันหลังให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม นอกจากนี้ พิลาทิสยังเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยผ่อนคลายความเครียดและสร้างเสริมสมาธิได้อีกด้วย